1ピクセル1ドルで1000×1000ピクセルを売り1億円を稼いだ伝説の「The Million Dollar Homepage」はこうなった(2017)
https://gigazine.net/news/20170724-million-dollar-homepage/
million dollar homepage 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
เป้าหมายความสำเร็จของคุณคืออะไร? ใช่การมีเงินล้านสักหนึ่งก้อนหรือเปล่า? แล้วคุณคิดว่าการได้จับเงินล้านนั้นมันต้องเริ่มจากอะไร ขยันทำงาน? เก็บหอมรอมริบ? อีกกี่ปีกันเชียวกว่าจะได้จับมันจริงๆ บางครั้งหากคุณมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ก็อาจต้องลองคิดอะไรแปลกๆ ที่แหวกแนวจากชาวบ้านเขาก็ได้ เช่นชายคนนี้ “Alex Tew” หนุ่มจากสหราชอาณาจักร ตำนานผู้สร้างโฮมเพจล้านดอลลาร์ ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือน ก็สามารถจับเงินล้านได้แล้ว!!
.
แม้ความฝันแรกของเขาจะไม่ใช่เงินล้าน เพราะเขาหวังเพียงว่าจะมีเงินทุนส่งตัวเองเรียนจนจบมหาวิทยาลัยโดยต้องไม่มีหนี้สินติดตัว แล้วจะทำอย่างไรดี? แทนที่เขาจะคิดเหมือนเด็กหนุ่มทั่วไป ที่เริ่มทำงานพาร์ทไทม์ หรือทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ แต่เขากลับเลือกที่จะสร้างเว็บไซต์ที่มีไอเดียสุดบันเจิด ไม่เหมือนใครในโลก คือ เว็บไซต์สำหรับลงโฆษณาโดยเฉพาะ ไม่มีข้อมูล ไม่มีคอนเทนต์ และไม่มีการสร้างคอมมูนิตี้ใดๆ ทั้งสิ้น
.
ในชื่อว่า “The Million Dollar Homepage” ที่มาของชื่อนี้ มาจากเป้าหมายต่อไปที่ไม่ได้ต้องการแค่เงินเพื่อค่าเล่าเรียนเท่านั้น แต่เขาต้องการจับเงินล้าน! โดยหน้าตาเว็บไซต์ของเขาถูกสร้างให้มีขนาด 1,000,000 พิกเซล จัดเรียงในตาราง 1,000x1,000 พิกเซล
สำหรับราคาขายโฆษณาหน้าเว็บเขาตั้งใจขายที่ 1 ดอลลาร์ ต่อ 1 พิกเซล ถ้าหากขายหมดก็จะได้เงินทั้งสิ้น 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามเป้าหมายที่เขาตั้งไว้พอดี
.
เขาจะขายพิกเซลที่ขนาด 10x10 ให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการพื้นที่โฆษณา เมื่อมีคนคลิกที่รูปภาพใดรูปภาพหนึ่งบนเว็บก็จะเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของธุรกิจนั้นๆ โดยขนาดของรูปภาพขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจต้องการให้คนเห็นรูปภาพของตัวเองชัดเจนแค่ไหน ก็ซื้อพื้นที่ในเว็บใหญ่เท่านั้น โดยมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ
.
เงินก้อนแรกที่เขาใช้คือ 50 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,500 บาท ในการจดชื่อเว็บไซต์และเช่าพื้นที่ แต่เพราะเขาไม่มีงบในการโฆษณา เขาจึงเริ่มต้นเป้าหมายแรกๆไปที่ครอบครัวและเพื่อนฝูง ด้วยการชักชวนให้พวกเขาซื้อพิกเซล
.
ในสัปดาห์แรกเพื่อนของเขาจึงช่วยซื้อโฆษณา 400 พิกเซล และสองสัปดาห์ถัดไปเขาก็ขายพิกเซลได้รวม 4,700 พิกเซล เป็นเงินทั้งสิ้น 4,700 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนี่ก็กลายมาเป็นเงินในการโฆษณาของเขา โดยการจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ เพื่อเขียนข่าวเกี่ยวกับเว็บไซต์สุดแปลกของเขา
.
ซึ่งมันได้ผล! ด้วยความเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจ ส่งผลให้สำนักข่าว BBC และ The Guardian นำเรื่องราวดังกล่าวมาทำข่าว หลังจากนั้นจึงทำให้ผู้คนเริ่มพูดถึงเว็บไซต์มากขึ้น จนกลายเป็นกระแสโด่งดังบนโลกออนไลน์ในตอนนั้น และเว็บไซต์ของเขาก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยโฆษณา จาก 4,700 เป็น 250,000 และ 500,000 จนในที่สุด เว็บไซต์ต้องประกาศคำว่า “Sold Out” เพราะพื้นที่ทุกพิกเซลของเว็บไซต์ถูกจับจองมีเจ้าของภายในเวลาแค่ 4 เดือน สร้างรายได้กว่า 1,037,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,000,000 บาท
.
แต่รู้หรือไม่? ว่ามีเรื่องให้น่าทึ่งกว่านั้น เพราะก่อนที่จะขายหมด พื้นที่ 1,000 พิกเซลสุดท้ายกลายเป็นของที่ทุกคนต่างต้องการแย่งชิง แทนที่มันจะมีราคาซื้อขายที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ Alex นำมันไปประมูลบน eBay และมันก็ถูกประมูลไปสูงถึง 38,000 ดอลลาร์ หรือราว 1,140,000 บาท
.
อย่างไรก็ตาม นอกจากความแปลกที่ Alex ได้คิดค้นขึ้นมา อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้เว็บไซต์ของเขาประสบความสำเร็จ คือ การที่เขาเลือกใช้ “ดอลลาร์” เป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขายพิกเซล แม้ว่าที่จริงแล้ว “ปอนด์” จะเป็นสกุลเงินบ้านเกิด เนื่องจากเขาเห็นว่าราคาเงินปอนด์ในช่วงนั้นแข็งค่ามาก จะทำให้เว็บไซต์มีราคาแพงและคนไม่กล้าซื้อ อีกทั้งยังรู้สึกว่า “1 ล้านดอลลาร์” ฟังดูดีกว่า หากลองเทียบกันระหว่าง “เว็บไซต์ล้านดอลลาร์” กับ “เว็บไซต์ห้าแสนปอนด์”
.
นอกจากเว็บไซต์โฮมเพจที่เขาทำได้สำเร็จ ที่จริงแล้วเขายังได้ทำธุรกิจอีกหลายอย่าง มีทั้งได้กำไรและขาดทุน จนส่งผลให้ฐานะการเงินของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก แต่เพราะเป็นคนมีความสามารถ และมีความคิดแปลกๆ ทำให้เขาสามารถกลับขึ้นประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง
.
นั่นก็คือ ธุรกิจแห่งความสงบ ทำแอปพลิเคชัน “Calm” แอปฯ ที่ช่วยให้คนรู้สึกผ่อนคลายและจิตใจสงบขึ้น โดยมีตั้งแต่รูปภาพจนถึงเสียงฝนตกและคลื่น ซึ่งแอปฯ นี้ เคยได้รับตำแหน่ง แอปฯ ยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Apple ที่สำคัญในปี 2019 มูลค่าของแอปฯ สูงกว่า 30,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้กับเขาถึง 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
.
เรื่องราวของ Alex Tew น่าจะทำให้ทุกคนที่กำลังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เห็นแล้วว่า ในบางครั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ก็สามารถเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ได้เหมือนกัน หากเราสามารถทำอะไรที่เป็น “เจ้าแรก” แบบที่ไม่มีใครเหมือน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ก็อาจทำให้ผู้บริโภครู้สึก “ว้าว” ได้มากกว่าของที่เลียนแบบคนอื่นมา หากวันนี้แนวคิดธุรกิจของคุณยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็อย่าหยุดที่จะคิด หรือลงมือทำ แต่จงพยายามต่อไป ลองมองหาสิ่งใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม หยิบยกมาเป็นไอเดียแล้วสร้างธุรกิจให้ทุกคนเห็นไปเลยว่า คุณน่ะมันเจ๋งแค่ไหน!
.
และนี่ก็คือหน้าตาของโฮมเพจล้านดอลลาร์ ของ Alex Tew : http://www.milliondollarhomepage.com/
.
ที่มา : https://medium.com/better-marketing/how-a-21-year-old-made-1-million-in-4-months-selling-pixels-f5f1dec45a9e
https://www.bbc.com/worklife/article/20160914-the-man-behind-the-million-dollar-homepage
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#AlexTew #TheMillionDollarHomepage #MillionDollar
#เว็บไซต์ล้านดอลลาร์ #เงินล้าน #calm #โฆษณา
million dollar homepage 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
กรณีศึกษา Calm แอปพลิเคชันนั่งสมาธิ หมื่นล้าน / โดย ลงทุนแมน
เราได้เห็นผู้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย หรือการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
และในขณะนี้ แนวโน้มพฤติกรรมดังกล่าว
ได้เริ่มขยายไปสู่การดูแลสุขภาพทางจิตใจด้วย
แอปพลิเคชันสำหรับช่วยนั่งสมาธิ ชื่อว่า “Calm” กำลังเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วสุดในบรรดาบริษัทสตาร์ตอัปด้วยกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งมีอายุแค่ 7 ปี เท่านั้น
เรื่องราวของแอปนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้โพสต์ล่วงหน้า 1 วันใน Blockdit
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
แอปพลิเคชัน Calm เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ก่อตั้งโดย อเล็กซ์ ทิว และไมเคิล สมิธ
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อของ อเล็กซ์ ทิว
เพราะเขาเคยสร้างเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการขายพื้นที่จุด Pixel ให้คนมาโฆษณาบนเว็บไซต์ The Million Dollar Homepage โดยในเว็บไซต์มีหน้าเดียวและใช้ 1 จุดแทน 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งในเวลาต่อมา เขาก็ได้นำเงินนั้นมาร่วมลงทุนสร้างแอปพลิเคชัน Calm
แอปนี้มีเป้าหมายหลักในการเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพทางจิตใจของผู้ใช้
โดยจะเสนอบริการ เช่น ให้คำแนะนำวิธีฝึกนั่งสมาธิ, เล่าเรื่องสบายๆ ให้ฟังก่อนนอน, รวบรวมเพลงที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย
Calm มีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Freemium
คือเปิดให้ใช้ฟรี แต่ถ้าหากสมัครสมาชิกในราคาเดือนละ 150 บาท จะมีคอนเทนต์พิเศษเพิ่มเติม
โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แอปได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มียอดดาวน์โหลดทั้งหมด 40 ล้านครั้ง
มีสมาชิกที่เสียค่าบริการอยู่ 1 ล้านบัญชี
และถูกคัดเลือกให้เป็นแอปพลิเคชันแห่งปี 2017 ของ Apple
ทั้งนี้ ในตลาดแอปเกี่ยวกับสุขภาพจิตนั้น Calm และคู่แข่งอย่าง Headspace ครองส่วนแบ่งรวมกันถึง 88%
ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
ปี 2016 รายได้ 210 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 660 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 4,500 ล้านบาท
ในปีที่แล้ว Calm มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า
ซึ่งเติบโตสูงเป็นอันดับที่ 3 ของเหล่าบริษัทสตาร์ตอัปในซิลิคอนแวลลีย์
นอกจากนี้ มีการเปิดเผยว่า พวกเขาสามารถทำกำไรได้ด้วย
ซึ่งต่างจากกิจการสตาร์ตอัปส่วนใหญ่ที่มักจะยังขาดทุนอยู่ในตอนแรก
และที่น่าสนใจคือ บริษัทนี้มีพนักงานแค่ 50 คน
เท่ากับว่าพนักงาน 1 คน สร้างรายได้เฉลี่ย 90 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ ในการระดมทุนครั้งล่าสุด Calm จึงถูกประเมินมูลค่าธุรกิจเอาไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30,000 ล้านบาท ถือเป็นสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น
ขณะที่ Headspace ที่เป็นคู่แข่ง มีมูลค่าอยู่ที่ 9,700 ล้านบาท
เพราะเหตุใด Calm ถึงได้เติบโตอย่างรวดเร็ว?
จากผลสำรวจประชาชนชาวอเมริกัน พบว่า
ปี 2012 มีคนนั่งสมาธิเป็นประจำ 4%
ปี 2017 มีคนนั่งสมาธิเป็นประจำ 14%
สาเหตุอาจมาจากความเครียดที่มากขึ้นในยุคปัจจุบัน
ทำให้ผู้คนเริ่มเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตอย่างจริงจัง
จึงต้องการหาเครื่องมือ เพื่อช่วยเยียวยาใจให้สงบนิ่งขึ้น
Calm จึงได้ใช้โอกาสนี้ ออกแบบแอปให้มีบริการที่เหมาะสมกับผู้ใช้ในทุกประเภท
สำหรับกลุ่มที่มุ่งเน้นการทำสมาธิ
ทางแอปมีฟีเจอร์ Daily Calm สอนวิธีทำสมาธิ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ทำให้ผู้ใช้ไม่เบื่อ และสร้างความท้าทายให้กลับมาใช้บริการทุกวัน
สำหรับกลุ่มที่ไม่ได้อยากนั่งสมาธิ แต่ต้องการแค่พักผ่อนแบบสบายๆ
ทางแอปก็ได้คิดค้นฟีเจอร์ใหม่ขึ้นมา เรียกว่า Sleep Stories
บริการนี้จะรวบรวมเรื่องสบายๆ มาเล่าให้ฟังก่อนนอน โดยเชิญนักเล่าเรื่องชื่อดังมาให้เสียงบรรยาย
เพื่อให้เราผ่อนคลาย และหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบัน Sleep Stories มีจำนวนผู้ฟังเกิน 100 ล้านครั้งแล้ว
ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยขยายฐานลูกค้า จนส่งผลให้ธุรกิจของ Calm ประสบความสำเร็จ
ส่วนแผนในอนาคตนั้น บริษัทก็เตรียมต่อยอดแอปให้ครอบคลุมไปหลากหลายภาษา และพัฒนาคุณภาพคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งเสริมธุรกิจทางโลกออฟไลน์ เช่น ออกหนังสือ ผลิตเสื้อผ้า หรือแม้แต่สร้างโรงแรมเพื่อให้มีบริการดูแลสุขภาพจิตแบบครบวงจร
จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า
เรื่องของสุขภาพจิต คนสมัยใหม่ให้ความสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย
และนับวันผู้คนจะมีปัญหาเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
การนอนไม่หลับ ความกังวล ที่มีผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ รอบตัวเรา
ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม อาจเริ่มต้นจากคำถามที่ว่า “มนุษย์ต้องการอะไร”
อะไรเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานสำหรับคนที่จะมาใช้บริการของเรา
การเติบโตของแอปพลิเคชัน Calm
เป็นสิ่งสะท้อนถึงความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ได้ดี
จริงๆ แล้วการเกิดมาเป็นมนุษย์
คงไม่มีอะไรดีไปกว่า
การมีจิตใจที่พร้อมจะหลับตาลงในวันนี้
และอยากตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เพื่อเดินตามความหวังของแต่ละคน..
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้โพสต์ล่วงหน้า 1 วันใน Blockdit
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.cnbc.com/2019/02/05/calm-raises-88-million-valuing-the-meditation-app-at-1-billion.html
-https://www.bizjournals.com/sanfrancisco/news/2018/10/30/fast-100-2018-calm-app-meditation.html
-https://www.inc.com/jeff-bercovici/calm-billion-mindfulness.html
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Calm_(company)
-https://www.calm.com/blog/about